แนวข้อสอบ เจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน กรมส่งเสริมการเกษตร ฉบับใช้สอบ ปี 2567-2568
แนวข้อสอบ
พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
**********************************
1. พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 มีกี่ฉบับ
一. 3 ฉบับ ค. 5 ฉบับ
二. 4 ฉบับ ง. 6 ฉบับ
ตอบ ง. 6 ฉบับ ได้แก่
พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502
พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2503
พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2511
พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2517
พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2534
พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2543
2. พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 ให้ไว้ ณ วันใด
一. 26 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ค. 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2502
二. 27 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ง. 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2502
ตอบ ข. 27 ตุลาคม พ.ศ. 2502
3. พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 มีกี่หมวด กี่มาตรา
一. 5 หมวด 30 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล ค. 6 หมวด 30 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
二. 5 หมวด 34 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล ง. 6 หมวด 34 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ตอบ ข.5 หมวด 34 มาตรา ได้แก่
หมวด 1 อำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการ
หมวด 2 ลักษณะของงบประมาณ
หมวด 3 การจัดทำงบประมาณ
หมวด 4 การโอนงบประมาณรายจ่าย
หมวด 5 การควบคุมงบประมาณ
4. "ปีงบประมาณ" หมายความว่า
一. ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมของปีหนึ่งถึงวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป
二. ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมของปีหนึ่งถึงวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป
三. ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนของปีหนึ่งถึงวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป
四. ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมของปีหนึ่งถึงวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป
ตอบ ข. ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมของปีหนึ่งถึงวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป
"ปีงบประมาณ" หมายความว่า ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมของปีหนึ่งถึงวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป และให้ใช้ปี พ.ศ. ที่ถัดไปนั้นเป็นชื่อสำหรับปีงบประมาณนั้น
5. "ส่วนราชการ" หมายความว่า
一. กระทรวง ทบวง กรม หรือทบวงการเมืองที่มีฐานะเทียบเท่า สำนักงานหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ
二. กระทรวง ทบวง กรม หรือทบวงการเมืองที่มีฐานะเทียบเท่า สำนักงานหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ แต่ไม่รวมตลอดถึงรัฐวิสาหกิจ
三. กระทรวง ทบวง กรม หรือทบวงการเมืองที่มีฐานะเทียบเท่า สำนักงานหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ แต่ไม่รวมตลอดถึงรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
四. กระทรวง ทบวง กรม หรือทบวงการเมืองที่มีฐานะเทียบเท่า สำนักงานหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ รวมถึงรัฐวิสาหกิจ
ตอบ ค.กระทรวง ทบวง กรม หรือทบวงการเมืองที่มีฐานะเทียบเท่า สำนักงานหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ แต่ไม่รวมตลอดถึงรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
"ส่วนราชการ" หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือทบวงการเมืองที่มีฐานะเทียบเท่า สำนักงานหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ แต่ไม่รวมตลอดถึงรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
6. ใครคือผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
一. นายกรัฐมนตรี ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
二. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ง. ถูกทั้ง ก และ ข
ตอบ ง. ถูกทั้ง ก และ ข
มาตรา 5 ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ ทั้งนี้ ตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวกับสำนักนายกรัฐมนตรี หรือกระทรวงการคลัง แล้วแต่กรณี
7. ใครมีอำนาจหน้าที่จัดทำงบประมาณ กับปฏิบัติการอย่างอื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้
一. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
二. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
三. หัวหน้าส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ
四. เจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากหัวหน้าส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ
ตอบ ก. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
มาตรา 6 ให้ผู้อำนวยการมีอำนาจหน้าที่จัดทำงบประมาณ กับปฏิบัติการอย่างอื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับงบประมาณดังต่อไปนี้ด้วย
(1) เรียกให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเสนอประมาณการรายรับและรายจ่ายตามแบบและหลักเกณฑ์ พร้อมด้วยรายละเอียดตามที่ผู้อำนวยการกำหนด
(2) วิเคราะห์งบประมาณและการจ่ายเงินของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ
(3) กำหนด เพิ่ม หรือลดเงินประจำงวดตามความจำเป็นของการปฏิบัติงาน และตามกำลังเงินของแผ่นดิน
(4) กำหนดระยะเวลาของเงินประจำงวด
8. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณมีอำนาจหน้าที่อย่างไร
一. เรียกให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเสนอประมาณการรายรับและรายจ่ายตามแบบและหลักเกณฑ์ พร้อมด้วยรายละเอียดตามที่ผู้อำนวยการกำหนด
二. วิเคราะห์งบประมาณและการจ่ายเงินของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ
三. กำหนด เพิ่ม หรือลดเงินประจำงวดตามความจำเป็นของการปฏิบัติงาน และตามกำลังเงินของแผ่นดิน
四. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ ( ดูคำอธิบายข้อ 7 )
9. งบประมาณประจำปีที่เสนอต่อรัฐสภาประกอบด้วย
一. รายงานการรับจ่ายเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้มอบให้เพื่อช่วยราชการ
二. รายงานเกี่ยวกับการเงินของรัฐวิสาหกิจ
三. รายรับรายจ่ายเปรียบเทียบระหว่างปีที่ล่วงมาแล้ว ปีปัจจุบันและปีที่ขอตั้งงบประมาณรายจ่าย
四. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา 8 งบประมาณประจำปีที่เสนอต่อรัฐสภานั้น โดยปกติให้ ประกอบด้วย
(1) คำแถลงประกอบงบประมาณแสดงฐานะและนโยบายการคลังและการเงิน สารสำคัญของงบประมาณ และความสัมพันธ์ระหว่างรายรับและงบประมาณรายจ่ายที่ขอตั้ง
(2) รายรับรายจ่ายเปรียบเทียบระหว่างปีที่ล่วงมาแล้ว ปีปัจจุบันและปีที่ขอตั้งงบประมาณรายจ่าย
(3) คำอธิบายเกี่ยวกับประมาณการรายรับ
(4) คำชี้แจงเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายที่ขอตั้ง
(5) รายงานเกี่ยวกับการเงินของรัฐวิสาหกิจ
(6) คำอธิบายเกี่ยวกับหนี้ของรัฐบาลทั้งที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน และที่เสนอขอกู้เพิ่มเติม
(7) รายงานการรับจ่ายเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้มอบให้เพื่อช่วยราชการ
(8) ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี
10. กระทรวงการคลังมีอำนาจกู้เงินได้ตามความจำเป็น แต่ต้องไม่เกินเท่าใด
一. ร้อยละ 20 ของจำนวนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีและงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม
二. ร้อยละ 30 ของจำนวนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีและงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม
三. ร้อยละ 80 ของงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้สำหรับชำระคืนต้นเงินกู้
四. ถูกเฉพาะข้อ ก และ ค
ตอบ ง.ถูกเฉพาะข้อ ก และ ค
มาตรา 9 ทวิ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมใช้บังคับแล้ว หรือเมื่อมีกรณีที่ต้องใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณที่ล่วงแล้วไปพลางก่อนตามมาตรา 16 ถ้ารายจ่ายสูงกว่ารายได้ ให้กระทรวงการคลังมีอำนาจกู้เงินได้ตามความจำเป็น แต่กรณีจะเป็นประการใดก็ตาม การกู้เงินตามมาตรานี้ ในปีหนึ่ง ๆ ต้องไม่เกิน
(1) ร้อยละยี่สิบของจำนวนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีและงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม หรือของจำนวนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณที่ล่วงแล้วมาแล้วแต่กรณี กับอีก
(2) ร้อยละแปดสิบของงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้สำหรับชำระคืนต้นเงินกู้
แนวข้อสอบเจ้าพนักงานธุรการ
ความรู้ในงานธุรการทั่วไป
1. ข้อใดมิใช่หน้าที่ของหน่วยงานสารบรรณกลางในการส่งหนังสือ
ก. ลงทะเบียนส่งหนังสือในทะเบียนหนังสือส่ง
ข. ลงเลขที่ วัน เดือนปี ในหนังสือที่จะส่งออก
ค. สรุปเรื่องย่อในกรณีหนังสือนั้นไม่มีชื่อเรื่อง
ง. ลงบันทึกการปฏิบัติเกี่ยวกับหนังสือฉบับนั้น
ตอบ ข.
2. การรับส่งหนังสือของส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ถือปฏิบัติตามระเบียบในหมวดใด
ก. หมวด 1 ข. หมวด 2
ค. หมวด 3 ง. หมวด 4
ตอบ ข.
3. ข้อใดไม่มีในตรารับหนังสือ
ก. เลขรับ ข. เลขที่
ค. ลำดับที่ ง. ทั้งข้อ ข. และข้อ ค.
ตอบ ง.
4. ถ้ามีชื่อบุคคลหรือตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการรับหนังสือตามระเบียบกำหนดให้ลงในทะเบียนหนังสือรับช่องใด
ก. การปฏิบัติ ข. ข้อความ
ค. หมายเหตุ ง. รายการลง
ตอบ ก.
5. การลงทะเบียนรับหนังสือในทะเบียนหนังสือรับตามแบบที่ 13 ท้ายระเบียบข้อใดถูกต้องที่สุด
ก. ให้ลงเลขลำดับของทะเบียนหนังสือรับ เรียงลำดับติดต่อกันไปตลอดปีปฏิทิน
ข. เลขทะเบียนหนังสือรับจะต้องตรงกับเลขที่ในการรับหนังสือ
ค. ให้ลงเลขลำดับของทะเบียนหนังสือรับ เรียงลำดับติดต่อกันไปตลอดปีงบประมาณ
ง. ถูกทั้งข้อ ก. และข้อ ข.
ตอบ ง.
6. เมื่อได้รับหนังสือที่ส่งมาจากภายนอก ลำดับแรกที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติคือ
ก. เปิดซองตรวจเอกสาร ข. ประทับตรารับหนังสือ
ค. ลงทะเบียนรับหนังสือ ง. จัดลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนของหนังสือ
ตอบ ง.
7. การลงทะเบียนหนังสือรับ ข้อใดผิด
ก. หนังสือที่มาจากหน่วยงานอื่นให้นำมาลงทะเบียนรับ
ข. หนังสือที่ทำขึ้นภายในหน่วยงานเดียวกันมิให้นำมาลงทะเบียนรับ
ค. หนังสือที่ทำขึ้นภายในหน่วยงานเดียวกันให้มาลงทะเบียนรับโดยอนุโลม
ง. ไม่มีข้อใดผิด
ตอบ ข.
8. ตรารับหนังสือคือะไร
ก. ตรารับของส่วนราชการที่รับหนังสือ
ข. ตราที่ใช้ประทับบนหนังสือ
ค. ตราที่ใช้ประทับหนังสือเพื่อลงทะเบียนหนังสือรับ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค.
9. ข้อใดที่ใช่รายละเอียดที่เรียงติดต่อกันจากซ้ายไปขวาตามลำดับตามแบบทะเบียนหนังสือส่ง
ก. ที่ ลงวันที่ จาก ถึง ข. ที่ ถึง จาก เรื่อง
ค. ลงวันที่ จาก ถึง ง. ที่ จาก ถึง เรื่อง
ตอบ ก.
10. หากส่วนราชการใดต้องการให้การรับส่งหนังสือเป็นไปโดยสะดวกส่วนราชการนั้นจะกำหนดผู้ปฏิบัติหรือแนวทางปฏิบัติไว้ได้เองหรือไม่ เพราะเหตุใด
ก. ไม่ได้ เพราะจัดต่อระเบียบสำนักนายกฯ
ข. ได้ เพราะระเบียบสำนักนายกฯ ให้ดำเนินการได้
ค. ไม่ได้ เพราะการรับส่งหนังสือเป็นเรื่องบังคับตมระเบียบสำนักนายกฯ
ง. ได้ เพราะเป็นอำนาจของการบริหารส่วนราชการอยู่แล้ว เรื่องนี้จึงไม่มีระเบียบกำหนด
ตอบ ข.